สิ่งมีชีวิตขนาดยิบย่อยที่สุดอาศัยอยู่ในบ้านผม คาดว่าคงจะทุกพื้นที่ทุกๆตารางเซนติเมตรบนพื้นโลก อยู่มาก่อนที่เราจะตั้งรกรากด้วยซ้ำ และคงอยู่ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานเรา บางชีวิตเล็กมากถึงขนาดว่้าถ้าไม่เอากล้องส่องก็คงมองไม่เห็น บางชีวิตก็มีึขนาดใหญ่กว่านั้น สิ่งมีชีวิตที่พูดถึงนี่ก็มีตั้งแต่มด ยุง แมลงสาบ บางบ้านอาจจะมีหนูด้วย
ผมไม่รู้นะว่าระหว่างคนกับสิ่งมีชีวิตอื่นใครจะเบียดเบียนกันมากกว่ากัน เพราะผมก็ไม่ใช่พวกใจสูงขนาดไม่ตบยุง ตีแมลงสาบ(อย่างหลังผมเลิกตีไปแล้ว ยกเว้นว่าถ้ามันบิน ผมจะไม่ลังเลที่ต้องตีมัน)
แต่ก็อย่างว่าคนบนโลกนี้ก่อร่างความคิดขึ้นมาจากหลายๆสิ่งต่างกัน บางคนอาจจะรักสัตว์มาก บางคนอาจจะรักเป็นบางอย่าง บางคนอาจจะคิดว่ามันเป็น NPC (คนไม่เล่นเกมสล็อตคงนึกไม่ออก ฮ่าๆ อธิบายง่ายๆว่า เป็นตัวละครสมมุตคือถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ระบบนิเวศครบถ้วน) ศาสดาของผมก็บอกเช่นนั้น
แต่ท่านก็ปฏิบัติต่อสัตว์ชนิดที่เรียกว่า รักใครไม่ต่างจากมนุษย์เลย..
ผมจึงค่อยๆเห็นภาพรวมว่า มันไม่สำคัญเลยว่าคุณจะคิดว่าสิ่งมีชีวิตนั้นคืออะไร แต่สำคัญที่ว่าคุณคิดกับสิ่งมีชีวิตนั้นในฐานะไหน? ฐานะคนกับสัตว์เลี้ยง ฐานะสัตว์ใหญ่กว่ากับสัตว์เล็กกว่า ฐานะเจ้านายกับลูกน้อง ฐานะผู้ใหญ่กับเด็ก สิ่งเหล่านี้ต่างหากสะท้อนออกมาโดยการปฏิบัติ ถ้าเป็นในระดับความคิดอาจใช้เวลาสำรวจนานกว่านั้นหน่อย
โลกเราใช้ระบบอาวุโสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ซึ่งก็เป็นระบบที่ดีเพราะบางคนอาจบอกว่าผู้ใหญ่ผ่านประสบการณ์มากกว่า เจ้านายมีอำนาจมากกว่าจะได้มีทิศทางเดียวกัน แต่ที่จริงมันก็มีปัญหาตรงที่ แล้วถ้าผู้ใหญ่ หรือเจ้านาย ไม่รับฟัง อาศัยความที่ว่าอาวุโสกว่า กดขี่ทางความคิด หรือใชัอำนาจเกินขอบเขตได้ ความเคารพซึ่งกันและกันหดหาย เหลือเพียงแก่กว่ากับอ่อนกว่า
เมื่อไม่เคารพกันมันก็มีทางออกอย่างไวอยู่ไม่กี่ทาง แบบผู้ใหญ่ว่า คือ ยอมหักไม่ยอมงอ กับ โอนอ่อนผ่อนตาม แถมอีกชอยส์ละกัน คือการไม่พูด เป็นไบ้นิ่งไปเลยง่ายดี ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เหลือทางให้เลือกซักเท่าไหร่
เมื่อเช้าเปิดทีวีเห็นหนังเก่าเรื่องที่ดูกี่ทีกี่ทีก็มันคือเรื่อง Snatch หนังตลกพูดสำเนียงอังกฤษ เนื้อหาแบบอังกฤษๆ ถามว่าชอบตรงไหนหรอ ก็คงเพราะความดิบๆแบบอังกฤษนี่แหละ สำเนียงดิบๆที่คนอเมริกันเรียกว่าบ้านนอก แถมด้วยคำหยาบที่ยิงออกมาไม่แพ้กระสุนจากปืนเกตลิ่งกัน ฟังแล้วมันเป็นส่วนผสมที่ได้ดูแล้วสะใจมาก
แต่เอาเข้าจริงคุณคงขำไม่ออกถ้าคำด่าหยาบๆแบบนี้จะหลุดออกมาจากปากของคนใกล้ตัวชนิดที่เรียกว่า รัวไม่แพ้ AK47 (ไม่นับคำหยาบแบบเพื่อนพูดกันนะครับ)
สำหรับผมแรกๆก็ไม่ขำนะครับ หลังๆผมเริ่มจะขำกับมันได้แล้ว แต่ออกไปทางขำแบบขำตลกร้ายมากกว่า ออกแนวขำให้กับมิตรภาพที่ค่อยๆล่มสลายเพราะกระสุนห่านั้น
จริงๆแล้วผมค่อนข้างโชคดีที่่ไม่ค่อยมีใครด่าผมเท่าไหร่ ไม่เคยโดนเพื่อนด่า ไม่เคยทะเลาะกับเพื่อน ลืมเรื่องชกต่อยไปได้เลย ผมอาจจะไม่ค่อยชินกับมันเท่าไหร่
การด่าสบถคำหยาบๆที่ผมกำลังพูดถึงนี่คือ…
การด่าแบบเดือดดาล
ฟังจากน้ำเสียงแล้วสามารถประมาณจำนวนความเกลียดชังที่เจือในคำพูดออกมาเป็นตัวเลขได้ คำบางคำไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินจากคนใกล้ตัว นี่อาจจะเป็นเพราะการจัดเรียงระดับความสัมพันธ์ในสมองที่จัดเรียงให้ผู้พูดอยู่ในฐานะ สูงกว่า พูดกับคนต่ำกว่า แต่ไม่ใช่ในฐานะที่ ผู้พูด(คน) พูดกับ ผู้ฟัง(คน) ที่เท่าเทียมกัน
แต่งมาจากเพลง
- From What Is Said to When It’s Read
- Give me life
- Give me sight
- Keep you safe
- Can’t wait any longer
วงดนตรีสากลที่ประกอบด้วย 4 หนุ่มจากลอนดอน ก่อตั้งวงตอนแรกอายุแค่ 14 ปี โดยการเล่น cover เพลงของ Napalm death วงที่พัฒนาตัวเองจากแรกเริ่มที่ค่อนไปทางป๊อบค่อยๆเพิ่มความเป็น experimental ที่คงกลิ่น Ambient ไว้ ขยับขยายต่อยอดมาเป็น Post-rock ที่สมัยนั้นยังแทบไม่มีคนรู้จัก
เริ่มจากการฟอร์มวงปี 86 (ผมเพิ่งเกิด ฮ่าๆ) ตอนนั้นพวกเค้ายังอายุ 14 กันอยู่เลย ได้แรงบันดาลใจมาจาก Joy division , Sonic youth , Swans แต่เริ่มทำดนตรีจริงจังก็ตอนที่พวกเค้าเรียนจบ เริ่มทำเพลงกับค่ายเล็กๆก่อน หลังจากนั้นก็ได้มือคีบอดร์จากวง Disco inferno จากนั้นวงก็ค่อยๆพัฒนาเสียงสังเคราะห์เข้าไป หลังจากเฝ้ารอทุกอย่างฝักตัวเต็มที่ ก็ได้ออกอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในปี 94 (อัลบั้มที่เขียนถึงเป็นอัลบั้มเต็มที่สอง) หลังจากนั้นสองคนก็ออกไปทำวง Drum and Bass ชื่อ Boymerang วงก็เลยยุบไปในภายหลัง
ตอนที่ผมเปิดอัลบั้มนี้ฟังเป็นครั้งแรก ผมแทบจะเปิดเพลงเเรกให้ Repeat ไว้ด้วยซ้ำ มันคงมีบางอย่างที่สะกดใจผมไว้ เรียกได้ว่าชอบทุกตัวโน็ตของเพลงนี้เลยก็ว่าได้
เริ่มด้วยเสียงที่กีต้าที่ไหลเอื่อยๆ เหมือนสายน้ำตามมาด้วยเสียงร้องที่โคตรเมาเลยครับ
เสียงร้องนี่คงเหมือนเราหยดเนื้อสีลงในสายน้ำที่ไหลมาเอื่อยๆ ค่อยๆมองดูเม็ดสีที่แตกตัวแล้วแม่น้ำทั้งสายก็กลายเป็นสีนั้นไป รวมทั้งตัวผมด้วย
- Artist – Bark Psychosis
- Album – Codename: Dustsucker
- Year – 2004
- Genre – Post-rock, Ambient, Experimental
Tracklist
- From What Is Said to When It’s Read 5:27
- The Black Meat 6:49
- Miss Abuse 6:10
- 400 Winters 5:48
- Dr. Innocuous / Ketamoid 1:04
- Burning the City 5:10
- INQB8TR 7:59
- Shapeshifting 6:02
- Rose 5:49